House of Light
บ้านแห่งแสง ป้องกันอันตรายจากแผ่นดินไหว

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับบ้านที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากแผ่นดินไหวอย่าง ‘House of Light’ กันครับ ซึ่งเป็นบ้านที่ถูกสร้างโดย Rangr Studio ตั้งอยู่ที่เทือกเขา Berkeley Hills มองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของอ่าวซานฟรานซิสโกได้อย่างชัดเจน โดยบ้านหลังนี้ถูกออกแบบให้มีทั้งหมด 3 ชั้น โอบล้อมด้วยต้นโอ๊กปกป้องแสงแดด และเพื่อลดความเสี่ยงจากการพังทลายของแผ่นดินไหวและดินถล่ม บ้านจึงถูกสร้างขึ้นบน Grade beam วางบนเสาคอนกรีตฝั่งอยู่ในพื้นหิน เพื่อความแข็งแรงคงทน เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันครับ


สำหรับพื้นที่ของคานด้านนอกที่อยู่ชั้นบนสุด มองเห็นวิวทิวทัศน์ต่างๆได้ในระยะไกล โดยพื้นที่นี้จะหันไปทางทิศตะวันตกครับ ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น และหนาวจัดตลอดทั้งปี พื้นที่นั่งเล่นของ ‘House of Light’ โดยส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบให้อยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันตก เพื่อให้กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์มากที่สุด สร้างความอบอุ่นให้กับผู้อยู่อาศัยครับ


นอกจากจะเป็นบ้านที่สามารถป้องกันและลดความเสียหายจากแผ่นดินไหวได้แล้วนะครับ ในการออกแบบ ‘House of Light’ ทางทีมสถาปกนิกเองก็ยังคำนึงถึงเรื่องของการประหยัดพลังงานและควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านด้วยเช่นเดียวกัน โดยการอาศัยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่และหน้าต่างบานสูง ดังนั้นแม้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ถ้าเปิดบานประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ ก็จะรู้สึกสดชื่นเหมือนกับนั่งอยู่นอกระเบียงด้านนอกครับ


‘House of Light’ เป็นบ้านที่ต้องการพลังงานน้อยมากๆครับ ที่สำคัญเป็นบ้านที่ถูกออกแบบให้เย็นสบายโดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศ และมีแผงของโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่สามารถสร้างไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในบ้านได้มากพอสำหรับใช้ภายในบ้าน ถือได้ว่าเป็นบ้านที่เน้นใช้พลังงานสะอาดเป็นหลัก อบอุ่นด้วยแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ และเย็นสบายด้วยอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติครับ

ก็เป็นอีกหนึ่งบ้านในฝันที่มีความสวยงามและใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินชีวิตครับ กับ ‘House of Light’ บ้านแห่งแสงสว่าง ที่ช่วยลดความเสียหายและป้องกันการเกิดแผ่นดินไหวได้ อีกทั้งการใช้พลังงานสะอาด ลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ถือได้ว่าเป็นการช่วยธรรมชาติ ลดความเสี่ยงในเรื่องของมลภาวะ และภาวะโลกร้อน ทำให้โลกของเรามีความน่าอยู่เพิ่มมากขึ้นครับ

Architects : Rangr Studio

Photo Credit : Matthew Millman, Joe Fletcher